ประวัติพระครูอนันตสารโสภณ
พระครูอนันตสารโสภณหรือ
พระอาจารย์ลาของเหล่าลูกศิษย์เกิด วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ ณ
บ้านกุดตะกาบ ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร บรรพชาเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์
๒๕๒๖เมื่อ อายุ ๑๗ ปี สังกัดมหานิกาย ที่วัดบ้านธาตุ ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ
จ.สกลนคร
แล้วได้เดินธุดงค์ศึกษาทางสว่างโดยมิย่อท้อหวังมอบกายสังขารนี้ให้อยู่ในร่มธรรมของพุทธองค์
จนอายุย่างเข้า ๒๓ ปีขณะนั้นได้อยู่จำพรรษาที่ อ.เดชอุดมและคราวนั้นเอง
เพศฆารวาสคงไม่ใช่แนวทางของเรา พร้อมกันนั้นก็อุปสมบท ณ พัธสีมา วัดเรืองเดช
อ.เดชอุดม ตอนนั่น อายุ ๒๓ ปี เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๒ โดยอุปัชฌาย์
พระครูพุทธิสารสุนทร เจ้าคณะอำเภอเดชอุดมในขณะนั้น ในสังกัดธรรมยุต
ความมุ่งมั่นที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงทำให้ท่านต้องมุ่งแสวงหาครูอาจารย์เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ภาวนา ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ #หลวงปู่พรหมมาเขมจาโร สำนักสวนหิน ผานางคอย
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.อุบลราชธานี และ ยังไปฝากตัวเป็นศิษย์ #หลวงปู่ลือปุญโญ
แห่งวัดป่านาทามวนาวาส อ.ดอนตาล ต.มุกดาหาร ซึ่งหลวงปู่ลือนี้มีวาระในการรู้จิตคนได้ลึก
อาจเป็นส่วนหนึ่งที่พระอาจารย์ลาเองได้ส่วนนี้มาหยั่งบึกถึงจิตคน
แค่อ้าปากก็รู้ว่าจะเอ่ยอะไร(ผู้เขียนเจอมาเอง)
จากนั้นก็กราบลาธุดงค์มาเรื่อยๆในปี
๒๕๓๘จนถึงถิ่นบ้านหนองแสงทุ่ง ต.แวง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด อันเป็นที่พำนักของ
พระอาจารย์อีกรูปหนึ่ง ที่จำพรรษาอยู่ก่อนแล้ว แต่ด้วยเหตุอันเป็นกุศลที่ได้ร่วมกันมากับชาวบ้านแถบนี้มีอันเป็นเหตุให้ท่านต้องอยู่มาเรื่อยๆ
เพราะกิจนิมนต์ที่ต้องอยู่เพื่อพัฒนาป่าแห่งนี้จนเจริญมาถึงทุกวัน
พระครูอนันตสารโสภณ หรือ
พระอาจารย์ลา มีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะธรรมยุตตำบลแวง และ ดำรงตำแหน่งเป็นพระอุปัชฌาย์
ณ วิสุงคามสีมา วัดป่าหนองแสงทุ่งแห่งนี้ ที่ได้ประกาศจัดตั้งวัดมาตั้งแต่
พ.ศ.๒๕๔๕ มาจนปัจจุบัน
วัตถุมงคลที่พระอาจารย์ลาปลุกเสกเดี่ยว
และจัดสร้างเพื่อให้ลูกศิษย์เก็บไว้บูชา
##ขุนแผนรุ่นมนเสน่ห์รุ่นแรก
#นางกสักสาวเต่ามวลสารขลังเข้ม
#ท้าวเวสสุวรรณ
#สองนางกวัก
วัตถุมงคลที่พระอาจารย์ลาปลุกเสกเดี่ยวล้วนมีพุทธคุณ
ด้านเมตตา ค้าขายร่ำรวย ทั้งสิ้นทั้งปวงครับ ปากต่อปาก
จนรุ่นแรกๆหายากมีราคาแพงขึ้น ณ ปัจจุบัน
ประวัติและที่มาของวัดป่าบ้านหนองแสงทุ่ง
วัดป่าหนองแสงทุ่งตั้งอยู่บ้านหนองแสงทุ่ง
หมู่ 8. ตำบล แวง อำเภอ
โพนทอง จังหวัด ร้อยเอ็ด เลขที่ 236
เดิมเป็นที่โนนที่ค่อนข้างสูงหรือที่เรียกว่า “โคก”และเป็นป่าซึ่งมีสัตว์อาศัยอยู่เช่น เสือ ช้าง
และสัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้อย่างมากมายในยุคนั้น และมีหนองน้ำอยู่ใกล้ๆโคกนี้ที่มีต้นมะขามใหญ่อยู่ข้างหนองน้ำ
จึงเรียกบริเวณนี้ว่า “โคกหนองขาม “ ซึ่งต่อมาได้มีคนกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาจากที่ต่างๆจึงได้รวมตัวกัน
และได้ตกลงกันว่าจะหาที่ตั้งหมู่บ้านโดยได้มองเห็นโนนสามโนน ที่อยู่ใกล้หนองน้ำซึ่งหนองน้ำจะอยู่กลางระหว่างสามโนนนี้คนกลุ่มนี้ซึ่งมีผู้เฒ่าผู้แก่ยังมีความชื่อเรื่องภูตผี
ปีศาจ หรือภูมิเจ้าที่ จึงได้ตกลงให้มีการเสี่ยง ในการเสี่ยงทาย
โดยการปั้นเป็นรูป วัว ควาย คน ไก่
เพื่อทำการเสี่ยงทายแด่พระภูมิเจ้าที่ว่าถ้าหากรูปปั้นสัตว์อะไรล้มถึงสามครั้งก็จะได้นำสัตว์นั้นมาบวงสรวงพระภูมิเจ้าที่ทุกปี
และเริ่มทำการเสี่ยงทายโนนแรกคือโคกหนองขาม
ปรากฏว่ารูปปั้นคนล้มทั้งสามครั้งแสดงว่าพระภูมเจ้าที่ต้องการเอาคนมาบวงสรวงพระภูมิเจ้าที่ทุกปี
ทุกคนลงความเห็นว่าไม่เอา
โนนโคกหนองขามนี้เป็นที่ตั้งหมู่บ้านก็เลยย้ายไปโนนใหม่ที่อยู่ทิศตะวันออก
หรือที่เรียกชื่อว่า “โนนหนองส่องแมว “ ก็ได้มีการเสี่ยงทายโดยการปั้นรูป
วัว ควาย คน ไก่
เพื่อบวงสรวงพระภูมิเจ้าที่คราวนี้ปรากฏว่ารูปปั้นวัวล้มถึงสามครั้งแสดงว่าพระภูมิเจ้าที่ต้องการวัวมาบวงสรวงทุกปี
ก็เลยย้ายไปอีกโนนที่สามซึ้งโนนนี้อยู่ทางทิศตะวันตก ของหนองน้ำ (
หนองน้ำแห่งนี้มีต้นแสงเกิดอยู่จำนวนมาก )
ก็ได้ทำการปั้นรูปเสี่ยงทายเหมือนเดิมเพื่อบวงสรวงพระภูมิเจ้าที่
ในการเสี่ยงทายโนนนี้ปรากฏว่ารูปไก่ ได้ล้มทั้งสามครั้งก็เลยตกลงเลือกเอาโนนนี้ตั้งเป็นหมู่บ้านเพราะไก่เป็นสัตว์เล็กที่หาได้ง่าย
และได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่าบ้านหนองแสงทุ่ง และต่อมาก็มีคนจากถิ่นอื่นเข้ามาอยู่
ชาวบ้านก็ได้จับจองที่ดินทำไร่ทำนา
ในสมัยนั้นที่ดินใครอยากได้ก็จับจองเป็นเจ้าของเลยไม่มีการซื้อขายใดๆ เพราะที่ส่วนใหญ่ยังเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ใครขยันก็จองเอาเยอะส่วนโคกหนองขามนี้ไม่มีคนกล้าลุกล้ำเพราะใครลุกล้ำมักจะเกิดเหตุเพศภัยกับตัวเองหรือเกิดกับครอบครัวก็เลยปล่อยให้รกร้าง
ต่อมาชาวบ้านได้ตกลงกันว่าควรที่จะเอาเป็นป่าช้าเพราะว่าโคกนี้มีผีดุมากวันดีคืนดีมีเสียงฆ้องเสียงกลองและเสียงโห่ร้องของภูตผี
และยังมีแสงไฟต่างๆมีคนเห็นประจำ ยิ่งวันพระใหญ่ยิ่งมองเห็นแสงแก้วลอย
โคกหนองขามแห่งนี้จึงเป็นที่น่ากลัวคนแถวนี้กลัวกันมาก
แม้แต่เวลากลางวันก็ไม่มีคนที่จะกล้าเข้ามาโคกนี้จนคนเฒ่าคนแก่ยกที่นั้นให้เป็นที่ป่าช้ามีเนื้อที่
100ไร่ ต่อมา ได้มีพระกรรมฐานธุดงค์มาพักปักกลดเป็นประจำปักกลดอยู่โคกแห่งนี้
อยู่ 1 วัน บ้าง 3
วันบ้างในการบำเพ็ญภาวนา จนมาถึงเมื่อปี พ.ศ. 2535
ได้มีพระทองคำ
ซึ่งท่านมีญาติอยู่บ้านนี้ได้มาปักกลดอยู่และได้สร้างสำนักสงฆ์ที่ป่าช้าโคกหนองขามแห่งนี้
อยู่มาจนถึง พ.ศ. 2538 พระทองคำ จะไปจำพรรษาอยู่ในเมืองคือวัดโคกพัฒนา ท่านจึงได้ไปอาราธนานิมนต์พระอาจารย์ลาให้มาอยู่แทนสัก
1 พรรษา พระอาจารย์ลาก็เลยมาอยู่จำพรรษา
โดยท่านตั้งใจว่าจะอยู่จำพรรษาเพียงพรรษาเดียว แล้วท่านก็จะธุดงค์ไปที่อื่น
แต่พอในกลางพรรษาพระทองคำที่ไปจำพรรษาอยู่วัดโคกพัฒนา ท่านได้ลาสึก
พระอาจารย์ลาก็เลยจำเป็นต้องอยู่ที่สำนักสงฆ์โคกหนองขามแห่งนี้เป็นต้นมาเมื่อปี
พ.ศ. 2538 ตั้งแต่จึงนั้นมาจึงมีพระสงฆ์มาจำพรรษาอยู่ประจำ
ตั้งแต่พระอาจารย์ลาได้มาจำพรรษาได้ดำเนินการขอสร้างวัด และได้รับอนุญาต สร้างวัดเมื่อวันที่
20 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2540
ได้รับอนุญาตตั้งวัดเมื่อวันที่ เดือน พ.ศ. 2545
และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ เดือน พ.ศ.
ได้เป็นวัดสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมาย พ.ร.บ.ของคณะสงฆ์ไทย
เป็นที่น่าอัศจรรย์มีข้อสังเกตว่าเวลาผ่านมายาวนาน
เป็นร้อยกว่าปีไม่มีใครมาบุรุกพื้นที่ป่าแห่งนี้ทั้งที่สมัยนั้นทางการไม่ได้หวงห้ามเลยคงจะเป็นบุญหรือเทวดาดลใจให้คนมองข้ามไม่สนใจป่าแห่งนี้เพื่อจะเอาไว้ให้เป็นวัด
เป็นที่บำเพ็ญเพียรของนักปฏิบัติผู้ทรงศีลและของพระพุทธศาสนาสืบต่อมาเท่าทุกวันนี้เพื่อเป็นที่บำเพ็ญบุญบารมีธรรมของพุทธบริษัทต่อไปสิ้นกาลนาน.
โดยพระอาจารย์ลาได้ตั้งความสังเกตไว้ว่าป่าช้าโนนโคกหนองขามแห่งนี้
มีวาสนาหรือพระภูมิเจ้าที่ต้องการจะให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้สร้างเป็นวัดใน
พระพุทธศาสนาเพราะว่าสมัยก่อนชาวบ้านจะตั้งเป็นหมู่บ้านก็ตั้งไม่ได้ หรือชาวบ้านจะจับจองก็มักจะเกิดเหตุเพศภัยต่างๆชาวบ้านก็ไม่กล้าจับจองปล่อยให้รกร้างมาเป็นเวลาเป็นร้อยๆปี
แต่พอได้ดำเนินการตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาโดยไม่มีเหตุการณ์ร้ายใดๆ และดำเนินการสร้างเป็นวัดโดยความสวัสดิภาพและอยู่ร่มเย็นตราบเท่าทุกวันนี้แล.
สำหรับวัตถุมงคลที่พระอาจารย์ลา
ออกเอง มีไม่มากครับยกตัวอย่าง
ขุนแผนรุ่นสาวเต่า ท้าวเวสสุวรรณ พระปิดตาว่านสบู่เลือด
พุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม ค้าขายดี เป็นที่ถามหาในหมู่พ่อค้าแม่ค้า
บางรุ่นซื้อหากันราคาแพงพอควร แต่ตอนนี้บางรุ่นเก็บเงียบ
สำหรับวัตถุมงคลที่ยังสามารถบูชาได้ตอนนี้
คือ ล็อคเก๊ตรุ่น "รวยอนันต์" และลูกอม"รวยอนันต์"
สิบปากว่าไม่เท่าบูชาไปใช้เองครับ
ล็อคเก๊ตรุ่น"รวยอนันต์"
ผ่านการอธิษฐานจิตโดย
หลวงปู่ฮก รติธโรวัดราษฎร์เรืองสุข
หลวงปู่เกตุ วัดทับเจริญ
และผ่านพิธีพุทธาภิเษกใหญ่มาแล้ว
อยากให้ท่านใช้ดู
**สนใจ☎ ☎ 063-5398914
**IDLine:theoum1972
กับอีกรายการที่พุทธคุณแรงสุดตอนนี้
ขุนแผนอุดมทรัพย์ ด้วยมวลสารที่รวมรวมมานานของพระอาจารย์ลา และยังมีผงมวลสารหลวงปู่ทิม
0635398914
ตอบลบ